หลักการใช้ Present Perfect Tense + Present Perfect Continuous Tense ตัวอย่าง

วันนี้เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Tense; กาลในไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษตอน หลักการใช้ Present Perfect Tense และตัวอย่าง กับ หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense และตัวอย่าง กันว่ามีรูปแแบโครงสร้างและหลักการใช้อย่างไรพร้อมกับดูตัวอย่างการใช้ประโยค Present Perfect Tense + Present Perfect Continuous Tense ไปด้วยเลยนะคะ

คราวที่แล้วเราได้พูดถึงกาลในไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษในเรื่อง “Present Simple Tense” และ “Present Continuous Tense” ไปแล้ว ถ้าเพื่อนๆยังไม่เข้าใจเรื่องก็ลองกลับไปทบทวนเนื้อหาตอนที่แล้วดูอีกทีนะคะ เอาล่ะค่ะ ทีนี้เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องของรูปแบบโครงสร้าง และ หลักการใช้ Present Perfect Tense กับ Present Perfect Continuous Tense พร้อมตัวอย่างกันเลยนะคะ

หลักการใช้ Present Perfect Tense

รูปแบบโครงสร้างของ Present Perfect Tense คือ [has/have + past participle(กริยาช่องที่ 3)]

—– เราใช้ Present Perfect Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์บางสิ่งหรือกาลที่เริ่มต้นขึ้นในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน(เวลาในขณะที่เกิดกาลนั้นไม่มีความสำคัญ หรือ อาจไม่ต้องระบุ)

เราสามารถใช้ Present Perfect Tense กับกาลที่เรา “ไม่ได้ หรือ ไม่จำเป็นต้อง” ระบุเวลาที่แน่นอนในขณะที่เกิดกาลนั้น เช่น ever, never, once, many times, several times, before, so far, already, yet, เป็นต้น ลองดูตัวอย่างการใช้ Present Perfect Tense ในแบบนี้นะคะ

I have seen that movie twenty times.
(จนถึงปัจจุบันนี้)ฉันชมภาพยนตร์มายี่สิบหนแล้ว
I think I have met him once before.
ฉันคิดว่าฉันเคยเจอเขามาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้
There have been many earthquakes in Indonesia.
(จนกระทั่งปัจจุบันนี้)เหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในประเทศอินโดนิเซีย
People have traveled to the Moon.
คนเราได้เคยเดินทางไปถึงดวงจันทร์มาแล้ว
People have not traveled to Mars.
คนเรายังไม่เคยเดินทางไปถึงดาวอังคารเลย
Have you read the book yet?
คุณได้อ่านหนังสือนั้นแล้วหรือยัง
Nobody has ever climbed that mountain.
ยังไม่เคยมีใครปีนเขาลูกนั้นเลย

แต่จำไว้ว่า เราไม่สามารถใช้ Present Perfect Tense กับการระบุเวลาที่แน่นอนในขณะที่เกิดกาลนั้น เช่น yesterday, one year ago, last week, when I was a child, when I lived in Bangkok, at that moment, that day, one day, เป็นต้น อย่าเพิ่งงงนะคะ ในกรณีนี้เราจะใช้ Present Perfect Continuous Tense ซึ่งจะได้อธิบายในตอนต่อไปค่ะ

—– เราใช้ Present Perfect Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์บางสิ่งหรือกาลที่เริ่มต้นขึ้นในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน โดยระบุช่วงระยะเวลาระหว่างที่กาลได้เริ่มเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน (Non-Continuous Verbs) เช่น For five minutes, for two hours, for six years, since Tuesday เป็นต้น ถ้างงก็ลองดูตัวอย่างการใช้ Present Perfect Tense ต่อไปนี้นะคะ

I have had a cold for two weeks.
ฉันเป็นไข้หวัดมาสองอาทิตย์แล้ว
Tanggwa has been in Prae for three years.
แตงกวาอยู่ที่แพร่มาสามปีแล้ว
Rattana has loved chocolate since she was a little girl.
รัตนาชอบช็อคโกแล็ตมาตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กเล็กๆ

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense

รูปแบบโครงสร้างของ Present Perfect Continuous Tense คือ [has/have + been + present participle(กริยา เติม -ing)]

—– เราใช้ Present Perfect Continuous Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์บางสิ่งหรือกาลที่เริ่มต้นขึ้นในอดีตและเหตุการณ์หรือกาลนั้นยังคงดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยระบุเวลาที่แน่นอนในขณะที่เกิดกาลนั้น เช่น yesterday, one year ago, last week, when I was a child, when I lived in Bangkok, at that moment, that day, one day, เป็นต้น ตัวอย่างการใช้ Present Perfect Continuous Tense ในลักษณะนี้เช่น

They have been talking for the last hour.
พวกเขาคุยกันมาเป็นชั่วโมงแล้ว (ตอนนี้ก็ยังคุยกันอยู่)
Pranee has been working at that company for three years.
ปราณีทำงานที่บริษัทนั้นมาสามปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังคงทำอยู่ที่บริษัทนั้น)
What have you been doing for the last 30 minutes?
คุณทำอะไรอยู่เหรอตั้งสามสิบนาทีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังคงทำอยู่)
She has been teaching at the school since June.
เธอสอนหนังสือที่โรงเรียนนั้นมาตั้งแต่เเดือนมิถุนายน (ตอนนี้ก็ยังคงสอนอยู่ที่โรงเรียนนั้น)

—– เราสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense ในความหมาย ว่าเหตุการณ์หรือกาลนั้นเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หรือ ซึ่งผ่านพ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ หรือ ในระยะนี้(Recently, Lately) ได้โดยไม่ต้องมีการระบุช่วงระยะเวลาเหมือนอย่างกรณีข้างต้น ประโยคตัวอย่างการใช้ Present Perfect Continuous Tense ในลักษณะนี้เช่น

Recently, I have been feeling really tired.
ช่วงนี้ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายจริงๆเลย
Tanggwa has been watching too much television lately.
หมู่นี้แตงกวาดูโทรทัศน์มากเกินไป
Have you been exercising lately?
หมู่นี้คุณได้ออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า
Sunan has been feeling a little depressed.
สุนันท์เค้ารู้สึกเครียดเล็กน้อย (หมายถึง ช่วงนี้สุนันท์เค้ารู้สึกเครียดเล็กน้อย)
Kanda has not been practicing her English.
กานดาไม่ได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษของเธอเลย (หมายถึง ช่วงนี้กานดาไม่ได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษของเธอเลย)
What have you been doing?
คุณทำอะไรอยู่หรือ (หมายถึง ในระยะนี้คุณทำอะไรอยู่หรือ)

ข้อสำคัญที่ควรระมัดระวัง การใช้ Present Perfect Continuous Tense ในความหมาย ว่าเหตุการณ์หรือกาลนั้นเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หรือ ซึ่งผ่านพ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ ในคำถามบางคำถามเช่น

Have you been feeling alright?
คุณรู้สึกดีอยู่หรือเปล่า? ประโยคนี้ทำให้คิดไปได้ว่าผู้ที่ถูกถามนั้นคงจะมองดูเหมือนคนที่กำลังป่วยหรือสุขภาพไม่ดีอยู่หรือเปล่า
Have you been smoking?
คุณเพิ่งสูบบุหรี่มาหรือ? ประโยคนี้ก็คล้ายกันคือ ทำให้คิดไปได้ว่าผู้ถามคงจะได้กลิ่นควันบุหรี่จากผู้ถูกถาม

ประโยคคำถามในลักษณะที่ทำให้คิดไปได้ว่าผู้ถามกำลัง นึกเห็น, รับทราบ, ได้กลิ่น หรือ มีความรู้สึกได้ ต่างๆเหล่านี้ ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้ผู้ถูกถามรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสบประมาท หรือถูกจับผิดอยู่ก็เป็นได้

ค่ะก็จบไปอีกตอนนะคะสำหรับ Tense; กาลในไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษเรื่อง “หลักการใช้ Present Perfect Tense กับ Present Perfect Continuous Tense และตัวอย่าง” ตอนนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนดีกว่านะคะ คราวหน้าจะมาว่ากันต่อไปด้วยเรื่องกาลในอดีตคือ Past Simple Tense และ Past Continuous Tense แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ก็เช่นเดิมนะคะ ถ้าใครพบเห็นข้อผิดพลาด หรือมีเนื้อหาตรงไหนที่ไม่ถูกต้องก็ช่วยแย้งมาด้วยก็แล้วกันนะคะ แล้วก็อย่าลืมติดตามมุมมองของ Tense 12 Tenses แบบจำง่ายเข้าใจไม่ยากได้ที่นี่นะคะ ขอบคุณมากค่ะ