หลักการใช้ Past Continuous Tense ตัวอย่าง Past Continuous Tense

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพบกันด้วยเรื่อง Tense; กาลในไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษตอน “หลักการใช้ Past Continuous Tense และ ตัวอย่างการใช้ Past Continuous Tense” เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเข้าสู่เนื้อหากันเลยดีกว่านะคะ

หลักการใช้ Past Continuous Tense

รูปแบบโครงสร้าง Past Continuous Tense คือ [was/were + present participle (verb+ing)]

—– การใช้ Past Continuous Tense บ่งบอกกาลที่เกิดในอดีตที่หยุดหรือสิ้นสุดลงเนื่องจากถูกขัดจังหวะ โดยกาลที่เข้ามาขัดจังหวะ (Simple Past) มักจะเป็นกาลที่มีระยะเวลาสั้นกว่ากาลที่ถูกขัดจังหวะ ต่อไปเป็นประโยคตัวอย่าง Past Continuous Tense นะคะ

Tanggwa was watching TV when Fuy called .
แตงกวากำลังดูทีวีอยู่ตอนที่ฝ้ายโทรมาหา

When the phone rang , Tanggwa was writing a letter.
เมื่อตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นแตงกวากำลังเขียนจดหมายอยู่

While we were having the picnic, it started to rain .
ในขณะที่เรากำลังทานอาหารกลางแจ้งกันฝนก็ได้ตกลงมา

What were you doing when the fire started?
คุณกำลังทำอะไรอยู่เมื่อตอนเริ่มเกิดเหตุไฟไหม้

I was listening to my iPod, so I didn’t hear the fire alarm.
ตอนนั้นฉันกำลังฟังไอพ็อดของฉันอยู่ก็เลยไม่ได้ยินสัญญานเตือนไฟ

While Somchai was sleeping last night, someone stole his car .
ขณะที่สมชายกำลังนอนหลับอยู่เมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีคนมาขโมยรถยนต์ของเขาไป

—– ที่ผ่านมาข้างต้นเราได้พูดถึง Past Continuous ที่ถูกขัดจังหวะโดยเหตุการณ์สั้นๆอื่น (Simple Past)แต่นอกจากนั้นแล้ว เรายังสามารถที่จะใช้เวลา ณ เวลาใดเวลาหนึ่งขัดจังหวะ Past Continuous ได้เช่นกัน อธิบายอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันหรือเปล่า เอายังงี้ดีกว่า ลองดูตัวอย่างเช่น

Last night at 6 PM, I was eating dinner.
เมื่อคืนตอนหกโมงเย็นฉันกำลังทานอาหารเย็นอยู่

At midnight , we were still driving through the desert.
เมื่อตอนเที่ยงคืนเรากำลังขับรถผ่านทะเลทราย

Yesterday at this time, I was sitting at my desk at work.
เมื่อวานเวลาเดียวกันนี้ ฉันกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของฉันในที่ทำงาน

ข้อสังเกตุ : ใน Past Simple เวลาที่ระบุบ่งบอกถึงเวลาที่กาลในอดีตเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง แต่ใน Past Continuous เวลาที่ระบุ ใช้เป็นการขัดจังหวะเหตุการณ์เท่านั้น ลองมาดูประโยคตัวอย่างกันอีกทีนะคะ

Last night at 6 PM, I ate dinner. หรือ I started eating at 6 PM.
ประโยคนี้เป็น Past Simple ในความหมายก็คือฉัน(เริ่ม)ทานอาหารเย็นเมื่อตอนหกโมงเย็น (ปัจจุบันได้ทานเสร็จไปแล้ว)

Last night at 6 PM, I was eating dinner.
ประโยคนี้เป็น Past Continuous ในความหมายคือฉันได้เริ่มทานอาหารเย็นมาก่อนหน้านี้แล้ว และในตอนหกโมงเย็นฉันก็ยัง(อยู่ในระหว่างการ)ทานอาหารเย็นอยู่ (ปัจจุบันได้ทานเสร็จไปแล้ว)

—– ทีนี้มาดูการใช้ Past Continuous Tense กับเหตุการณ์หรือกาลที่เกิดควบคู่กันไป ณ เวลาเดียวกัน (ในอดีต) หรือภาษาอังกฤษเค้าใฃ้คำว่า Parallel Actions นั่นแหล่ะค่ะ มาดูตัวอย่างกันนะคะว่าจะต้องใช้วิธีการอย่างไร เพื่อบ่งบอกถึงสองเหตุการณ์นั้นในประโยคเดียวกัน

While Somchai was reading, Tanggwa was watching television.
(เมื่อตอนนั้น)ในขณะที่สมชายกำลังอ่านหนังสือแตงกวาก็กำลังดูโทรทัศน์อยู่

Were you listening while he was talking?
คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่าเมื่อตอนที่เขากำลังพูด

Tanggwa wasn’t paying attention while she was writing the letter, so she made several mistakes.
แตงกวาไม่ตั้งใจในตอนที่เธอกำลังเขียนหนังสือทำให้เธอเขียนผิดตั้งมากมาย

What were you doing while you were waiting?
(ตอนนั้น)คุณทำอะไรในระหว่างที่กำลังรอคอย

Pranee wasn’t working, and I wasn’t working either.
(ตอนนั้น)ทั้งปราณีและฉันต่างก็กำลังไม่ได้ทำงานอยู่ทั้งสองคน

They were eating dinner, discussing their plans, and having a good time.
(ตอนนั้น)พวกเขากำลังทานอาหารค่ำ พร้อมทั้งปรึกษาแผนงานกันไปด้วย และ กำลังมีช่วงเวลาที่ดี

—– เรามักจะพบเห็นการบรรยายถึง เหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ หรือ บรรยากาาศ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตโดยการใช้ Parallel Actions หลายๆประโยคมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น

When I walked into the school, several students were busily writing, some were listening to the teachers, the teachers were assigning homework, and parents were waiting their childs. One parent was yelling at her child and waving her hands. Others were complaining to each other about the late.

เป็นการบรรยายถึงบรรยากาศ ครั้งหนื่ง(ในอดีต)เมื่อฉันเดินเข้าไปในโรงเรียน ในตอนที่โรงเรียนเลิกนานแล้วแต่คุณครูยังก็ยังไม่ปล่อยนักเรียนออกจากชั้นเรียนสักที แปลกันเอาเองนะคะ…

—– การใช้ Past Continuous Tense กับคำบางคำเช่น always หรือ constantly บรรยายกาลในอดีต(ด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์)ในแง่ลบที่มักเกิดขึ้น บ่งบอกถึงความหมายเช่น ซ้ำซาก น่าเบื่อ น่ารำคาญ รบกวน … ฯลฯ โดยคำว่า always หรือ constantly จะต้องอยู่ระหว่าง be กับ กริยา+ing ตัวอย่างเช่น

She was always coming to class late.
เธอมักจะเข้าชั้นเรียนสายอยู่เสมอ

He was constantly talking. He annoyed everyone.
เขามักจะพูดมากไม่หยุดหย่อนเสมอ สร้างความรำคาญและรบกวนทุกๆคน

I didn’t like them because they were always complaining.
ฉันไม่ชอบพวกเขาเพราะพวกเขามักจะพร่ำบ่น กันซ้ำซาก

While กับ When ในอนุประโยค

อนุประโยค หรือ “Clauses” คือกลุ่มของคำที่มีความหมาย แต่มักจะไม่เป็นประโยคที่สมบูรณ์ บางอนุประโยคเริ่มต้นด้วยคำว่า “when” เช่น “when she came” หรือ “when it hit me” ส่วนบางอนุประโยคเริ่มต้นด้วยคำว่า “while” เช่น “while she was learning” หรือ “while he was listening”

เมื่อเราบ่งบอกถึงกาลในอดีต “when” มักจะตามมาด้วย Simple Past ชี้หรือบ่งบอกถึงเมื่อเวลานั้น เมื่อตอนนั้น ส่วน “while” มักจะตามมาด้วย Past Continuous ชี้หรือบ่งบอกถึงในระหว่างเวลานั้น ทั้งสองอย่างความหมายคล้ายกันแต่ใช้ไม่เหมือนกัน งงมั๊ยเนี่ย! คือมันเน้นต่างอนุประโยคกันในประโยค ดูตัวอย่างอีกทีนะคะ

I was studying when she called.
ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่ในขณะที่เธอโทรเข้ามา

While I was studying, she called.
ในระหว่างที่ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่เธอก็โทรเข้ามา

ก็พอสมควรนะคะสำหรับ Tense; กาลในภาษาอังกฤษตอน “หลักการใช้ Past Continuous Tense และ ตัวอย่างการใช้ Past Continuous Tense” คราวหน้าจะเป็นเรื่อง Past Tenses ที่เหลืออยู่อีก 2 รูปแบบคือ Past Perfect กับ Past Perfect Continuous ติดตามอ่านกันนะคะ

สุดท้ายก็เช่นเดิมค่ะ พบเห็นข้อผิดพลาด หรือมีเนื้อหาตรงไหนที่ไม่ถูกต้องก็ช่วยแย้งมาด้วยก็แล้วกัน จะได้ช่วยกันแก้ไขให้ถูกต้อง อย่าลืมติดตามมุมมองของ Tense 12 Tenses แบบจำง่ายเข้าใจไม่ยากได้ที่นี่เลยค่ะ

Leave a Reply