มามีชีวิตอย่างสุขสมบูรณ์กันเสียทีดีไหม

เหนื่อยใจกันบ้างไหม? ท้อใจกันอยุ่หรือเปล่า? ใกล้ถึงฝั่งฝันกันบ้างหรือยัง? ชีวิตมีความสุขกันดีอยู่หรือเปล่า?

สวัสดีจ้า เพื่อนเด็ก เพื่อนวัยรุ่นและเยาวชน สมาชิก “รอบรู้ รักเรียน ” ทุกๆ คน วันนี้ลุงหนุมานมาตามสัญญาแล้วนะ อาจจะล่าช้าไปหน่อยแต่ก็อย่าว่ากันนะครับ วันนี้ลุงหนุมานจะมาชวนให้พวกเราใช้ชีวิตกันให้มีความสุขสมบูรณ์มากขึ้นด้วยวิธีการง่ายๆ ท่ามกลางภาวะที่โลกเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายนี่แหล่ะ เราทำได้ จริงๆ นะ

เชื่อไหมว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และสร้างสรรค์ชีวิตเราใหม่ให้อยู่อย่างสุขสมบูรณ์ตามความความฝัน ทำทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ตามใจปรารถนา โดยอาศัยเพียงแค่การปรับปรุงมุมมองความคิด และพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองสักเล็กน้อยเท่านั้น เรามาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยดีไหม

พอพูดถึงความสุขสมบูรณ์หลายคนอาจจะคิดไปถึงการมีทรัพย์สินเงินทองมากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครันตามที่ใจอยากมี แต่ลองคิดดูดีๆ สิว่า นั่นมันเป็นความสุขสมบูรณ์ตามความความฝันของเราจริงหรือ? มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่มากมายในสังคมโลกมนุษย์เราปัจจุบันนี้ที่แสดงให้เห็นว่า คนจำนวนมากมายที่มีทรัพย์สมบัติและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือออกจะมีอย่างเหลือเฟือเสียด้วยซ้ำไป หาได้มีความสุขสมบูรณ์ในชีวิตเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีความทุกข์ ความกลัดกลุ้มกังวลใจอยู่เสียมากกว่า

ความสุขสมบูรณ์ในชีวิตที่เราจะพูดถึงกันต่อไปนี้คือการมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขตามความฝัน ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีความฝันแตกต่างกันไป จริงไหม? แต่ปัญหาก็คือทำไมเราถึงไปไม่ถึงฝันกันเสียที ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันนะ เรามาดูกันต่อไปดีมั๊ย

มองไปที่ความฝันที่ต้องการจะให้ปรากฏเป็นจริง

อย่ามัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่เราคิดว่ามันขาดหายไปจากชีวิตเรา รวมไปถึงการครุ่นคิดกังวลถึงแต่สิ่งต่างๆ ที่เราไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มันก็ยังไม่เกิดขึ้นหรือไม่เคยเกิดขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำไป เมื่อไรที่พบว่าเรากำลังครุ่นคิดถึงแต่สิ่งเหล่านั้นให้รีบสลับขั้วความคิดทันที ลองเพ่งพินิจพิจารณามองหาความฝันของเราให้เจอว่าจริงๆ แล้วตัวเราต้องการอะไรกันแน่ที่จะทำให้เรามีความสุข อะไรกันแน่คือความสำเร็จที่เราต้องการ และเมื่อพบแล้วจงพุ่งความสนใจไปที่ความฝันที่เราต้องการจะให้มันปรากฏขึ้นมาเป็นความจริงในชีวิตของเรา นำพาตัวเราให้ไปอยู่ในสถานะที่พร้อมที่จะยอมรับ และ พร้อมที่จะรับความสำเร็จ และจงพยามยามมองไปให้เห็นถึงวันที่เราได้รับความสำเร็จนั้นๆ มองไปให้เห็นถึงวันที่เราสมหวังอย่างใจฝันนั้นแล้ว ที่สำคัญจงอย่าได้นำพาตัวเองไปวนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว โชคร้าย เศร้า ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ ก็ตาม

อย่าได้เคลือบแคลงสงสัยในตัวเอง

ถ้าพบว่าตัวเราเกิดมีความคิดว่าสภาพการณ์หรือสถานะการณ์ที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันมันเลวร้าย มันแย่ มันคือสาเหตุที่ทำให้เราไปไม่ถึงฝัน จงรีบทำลายความคิดนั้นเสียทันที จงรับรู้ไว้ว่าความยุ่งยากใดๆ ก็ตามที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นมันจะดำรงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าเราจะยอมรับให้มันอยู่กับเราไปตลอด จำไว้ว่าสถานการณ์ที่เราคิดว่าเลวร้ายที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะดำรงอยู่เพียงชั่วขณะเท่านั้น ซึ่งหากเราคิดและมั่นใจว่าเราจะต้องผ่านพ้นมันไปได้ ที่สุดแล้วหนทางสว่างย่อมจะปรากฏขึ้นและเราก็จะมองเห็นมันได้ในทันที  แต่หากเรายังคงจมปลักอยู่กับความคิดที่ท้อแท้และยอมแพ้ เราก็จะอยู่ในความมืดมัวและยากยิ่งนักที่เราจะมองเห็นหนทางสว่างที่มันจะปรากฏขึ้นมาให้เราได้เห็น ดังนั้นจงอย่าได้เคลือบแคลงสงสัยในความสามารถของตัวเอง หยุดความครุ่นคิดกังวลกับปัญหาอุปสรรคทั้งมวลที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ แล้วต่อสู้กับมัน มุ่งมั่นที่จะเอาชนะมันให้ได้ แล้วหนทางจะปรากฏออกมาให้เราเห็นเอง ขอแต่เพียงแต่เราอย่าได้เคลือบแคลงสงสัยในความสามารถของตัวเองเท่านั้น

มีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน

การให้ความสนใจครุ่นคิดถึงแต่เรื่องในอดีตที่ล้มเหลวรังแต่จะขัดขวางความสามารถในการสร้างสรรค์ของเรา มันจะทำให้เราวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์เดิมๆ ส่งผลให้เรามีแน้วโน้มที่จะทำอะไรต่ออะไรอยู่แบบเดิม และผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย อะไรที่เคยทำแล้วมันไม่เป็นผลดี ก็ยังคงทำอยู่อย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วคาดหวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ? นั่นมันคือนิยามของความล้มเหลวตลอดกาล! ณ เวลานี้คือปัจจุบันไม่ใช่อดีต จงมีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน และเลือกสรรแต่สิ่งที่มีคุณค่าในอดีตมาใช้

หยุดพูดซ้ำซากถึงแต่เรื่องราวเก่าก่อน

หยุดเล่าท้าวความเรื่องราวความทุกข์ยาก ความโชคร้าย ความเศร้า ฯลฯ ทั้งหลายแหล่แต่หนหลังให้คนอื่นฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียที  มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย การฉายภาพเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมารังแต่จะทำให้เราหมกมุ่นและจมอยู่กับอดีต ติดอยู่กับมันมากยิ่งขึ้น มันยากมากนะที่จะก้าวไปข้างหน้าหากเรามัวแต่เหลียวมองเงาข้างหลังเราอยู่ร่ำไป จำไว้นะว่า เราจำเป็นที่จะต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อไปให้ถึงฝัน ก้าวไป… ก้าวไป… และก้าวต่อไปเท่านั้น

ชีวิตนี้เป็นของเรา

เชื่อไหมว่าความทุกข์ของคนเราส่วนหนึ่ง(ซึ่งเป็นสัดส่วนมากพอสมควรเสียด้วยสิ) เป็นความทุกข์ที่เรามัวแต่กังวลว่าคนโน้นจะว่าเราอย่างนี้ คนนี้จะว่าเราอย่างนั้น เป็นความทุกข์ที่เรามัวแต่กังวลถึงสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจะให้เราเป็นไปได้ดั่งใจเขา เชื่อเถอะว่าทุกคนล้วนแต่มีความเห็นเกี่ยวตัวเราไปต่างๆ นาๆ กันทั้งนั้นแหล่ะ อย่างเช่น  เธอควรจะใช้ชีวิตอย่างนั้นนะอย่างนี้นะ เธอน่าจะแต่งตัวแบบนี้สิ อันนั้นแหล่ะเหมาะสมกับเธอที่สุด เธอน่าจะคบหากับคนโน้นนะ เธอน่าจะคบหากับคนนี้นะ ทำไมเธอไม่ทำแบบนั้นล่ะ และ ฯลฯ อีกสารพัด ร้อยคนก็ร้อยความเห็น แล้วเป็นไงล่ะ เครียดไหมหากต้องมีชีวิตอยู่ตามที่คนอื่นต้องการไปทั้งหมด เครียดไหมหากต้องคอยกังวลว่าคนโน้นจะว่าเราอย่างนี้ คนนี้จะว่าเราอย่างนั้น!อย่าให้คนรอบข้างมามีอิทธิพลสร้างความกดดันให้กับเรามากมายขนาดนั้นเลยนะ ถามตัวเองดูสิว่า ที่เขาต้องการให้เราเป็น ที่เขาบอกเรามา มีอะไรบ้างไหมที่เหมาะสมกับเรา มีอะไรเข้ากับเราได้บ้างไหม หากคำตอบคือไม่ จงลืมมันไปเสีย ชีวิตนี้เป็นของเราและเราต้องอยู่เพื่อตัวเราเอง เราสามารถรับฟังและรับเอาความคิดและคำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับเรามาใช้ได้ แต่ต้องไม่คิดวิตกกังวลใจหากเราไม่สามารถทำตามที่พวกเขาต้องการได้ทั้งหมด เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว จริงไหม?

ระวัง! อย่างสร้างพลังในการทำลาย

จงอย่าวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินพิพากษาใครด้วยตัวของเราเอง อย่าตัดสินสถานการณ์ใดๆ หรือบุคคลใดๆ ว่า “ดี” หรือ “เลว” อย่าตัดสินสถานการณ์ใดๆ หรือบุคคลใดๆ ว่า “ถูก” หรือ “ผิด” การกระทำเช่นนี้รังแต่จะสร้างพลังในการทำลาย และอารมณ์เคืองขุ่นให้เกิดขึ้นในตัวเรา อย่าลืมว่าคนเราต่างคนก็ต่างใจ และคนเราก็มีแนวโน้วอยู่แล้วที่จะตัดสินอะไรที่เข้าข้างตัวเองอยู่เสมอ จริงไหม?

การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด และพฤติกรรมของเรา ด้วยวิธีการง่ายๆ ข้างต้น จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเราให้มีความสุขสมบูรณ์ขึ้นได้อย่างมากมาย อีกทั้งยังช่วยให้เรามีความตื่นตัวพร้อมที่จะไขว่คว้าโอกาสแห่งความสำเร็จ และโอกาสที่จะทำให้เราก้าวไปถึงฝัน ซึ่งมันพร้อมจะปรากฏตัวให้เราเห็นได้ทุกเมื่อ ขอเพียงแต่ให้เรามองหามันและไขว่คว้าเอาไว้ให้ได้ทันท่วงที เท่านั้นเอง

ลุงหนุมานขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลยนะ สู้! สู้! สู้ต่อไปอย่ายอมแพ้ เพื่อนเอ๋ย

เชื่อลุงหนุมานเถอะ… คุ้ม! ฮ่า ฮ้า… สวัสดี

About หนุมาน

หลังจากหายไปนาน (ก็มัวแต่ไปเผากรุงลงกาอยู่อ่ะนะ) ตอนนี้ลุงหนุมานกลับมาแล้วจ้า จะมาเขียนเรื่องดีๆมีสาระประโยชน์ให้พวกเราได้อ่านกันเหมือนเช่นเคย อย่าลืมเข้ามาอ่านกันบ่อยๆนะจ๊ะ

Leave a Reply